สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากได้วิชาการจัดการความรู้
วันที่ 27 สิงหาคม 2558
เรื่อง กรอบแนวคิดการจัดการความรู้
ปัจจุบันกรอบแนวคิดการจัดการความรู้ (Knowledge Management Framework) มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก มีองค์กร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความรู้ได้นําเสนอกรอบแนวคิดการจัดการความรู้ในหลายรูปแบบ ดังนั้นในบทนี้จะนําเสนอกรอบความคิดการจัดการความรู้แบบต่าง ๆ เพื่อให้เห็นจุดดี จุดด้อย ของกรอบแนวคิดแต่ละแบบ เพื่อให้องค์กร ชุมชนท้องถิ่น สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
วิกก์(Wiig)(1993)ได้เสนอกรอบความคิดในการจัดการความรู้ ที่เรียกวา เสาหลักของการจัดการความรู้ (Pillar of Knowledge Management)
4 ขั้นตอน
1.แบ่งประเภทกิจกรรม
2.นำเสนอ
3.การประเมินกิจกรรม
4.วิเคราะห์
5.เผยแพร่
พรอบสก์ (Probst )รอบ(Raub)และฮาร์ด (Romhardt)(2000)
6 ขั้นตอน
1.กำหนดองค์ความรู้ที่ต้องการ
2.จัดหาความรู้
3.สร้างและพัฒนาความรู้ใหม่
4.แบ่งปันและกระจายความรู้
5.การใช้ความรู้
6.การจัดเก็บความรู้
เทอร์แบน(Turban) และเฟรนเซล (Frencel) (1992)
6 ขั้นตอน
1.สร้างองค์ความรู้
2.จัดหาความรู้
3.นำเสนอ
4.เผยแพร่
5.ใช้ความรู้
6.ประเมินองค์ความรู้
โนนากะ (Nonaka) และ ทาเคชิ (Takeuchi) (1995) ได้เสนอกรอบความคิดการจัดการความรู้ โดยกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ทั้งสองในรูปแบบของวงจร“SECI”เป็นวงจรเปลี่ยนแปลงความรู้ (Knowledge Conversion) ระหว่างความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) กับความรู้ชัดแจ้ง ( Eplicit Knowledge) ทําให้เกิดความรู้ใหม่ขึ้น ซึ่งจะหมุนเกลียวไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด เพราะการเรียนรู้เกิดขึ้นตลอดเวลาวงจรSECI เป็นการสร้างความรู้ใน 4 ลักษณะ คือ Socialization Externalization Combination และ
Internalization
ไลนอวิซ (Liebowitz )และ เบคแมน(Beckman) (1998)
7 ขั้นตอน
1.การกำหนดความรู้
2.แสวงหาความรู้
3.คัดเลือก
4.จัดเก็บความรู้
5.แบ่งปันแลกเปลี่ยน
6.ประยุกต์ใช้
7.สร้างองค์ความรู้
8.สร้างผลิตภัณฑ์
โอเดล (O’Dell) เกรย์ซัน (Grayson) และ เอสเซเดส (Essaides) (1998) ได้เสนอกรอบความคิดที่ใช้ในการจัดการความรู้ ที่มีองค์ประกอบหลัก 3 อยาง
1.การกําหนดสิ่งสําคัญที่ทําให้องค์กรต้องทําให้สําเร็จ
2.ปัจจัยที่ทําให้องค์กรสามารถจัดการความร้ ได้อย่างมีประสิทธิผล
3.กระบวนการเปลี่ยนแปลง
กรอบแนวคิดการจัดการความรู้ในบริบทสังคมไทย
1.การจัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม (Transition and Behavior Management) วัฒนธรรมมีอิทธิพล
ต่อพฤติกรรมของคนในองค์กรและเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากยิง
2.การสื่อสาร (Communication) การสื่อสารเป็นหัวใจหลักที่ทําให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจถึงสิ่งที่กาลังจะเกิดขึ้น สิ่งที่องค์กรจะต้องสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจก็คือ องค์กรกาลังจะทําอะไร ทําไปเพื่ออะไร จะทําเมื่อไร และทําอย่างไร
3.กระบวนการและเครื่องมือ (Process and Tools) กระบวนการและเครื่องมือเปรียบเสมือนแกนหลักของการจัดการความรู้ที่จะช่วยให้เกิดพฤติกรรมของการแลกเปลี่ยนความรู้ภายในองค์กร
4.การฝึกอบรมและการเรียนรู้(Training and Learning) เป็นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรทุกระดับสําหรับการจัดการความรู้
5. การวัดผล (Measurements) ผลจากการวัดจะสะท้อนถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถทบทวนแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ รวมถึงปรับปรุงให้กระบวนการต่าง ๆ ประสบผลสําเร็จจมากยิ่งขึ้น
6. การยกย่องชมเชยและให้รางวัล (Recognition and Rewords) องค์กรควรใช้การ ยกย่องชมเชยและให้รางวัลเป็นแรงจูงใจในช่วงเริ่มต้น เพื่อโน้มน้าวให้บุคลากรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการแลกเปลี่ยนความรู้และเข้าร่วมกิจกรรมการจัดการความรู้
ประพนธ์ ผาสุขยืด (2547 )
1. ส่วนหัวปลา (Knowledge Vision : KV) คือ ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางของการจัดการความรู้
2. ส่วนกลางลําตัว (Knowledge Sharing : KS) คือ ส่วนของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Share and Learn) จัดเป็นส่วนสําคัญที่สุด และยากที่สุดในกระบวนการจัดการความรู้
3. ส่วนที่เป็ นหางปลา (Knowledge Assets : KA) คือ องค์ความรู้ที่องค์กรได้เก็บสะสมไว้เป็นคลังความรู้หรือขุมความรู้ ซึ่งมาจาก 2 ส่วนคือ
ความรู้ที่ชัดแจ้งหรือความรู้เปิ ดเผย (Eplicit Knowledge) คือ ความรู้เชิงทฤษฎีที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น เอกสาร ตํารา และคู่มือปฏิบัติงาน เป็นต้น
ความรู้ซ่อนเร้นหรือความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) คือ ความรู้ที่มีอยูใน่ตัวคน ไม่ปรากฏชัดเจนเป็นรูปธรรม แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก
ที่มา:http://www.udru.ac.th/website/attachments/elearning/10/03.pdf
สรุปองค์ความรู้จากเพื่อนๆ นำเสนอ
สื่อสารอย่างให้ปลอดภัย
การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพนั้น
มีองค์ประกอบสำคัญอยู่ 4
ปัจจัย ได้แก่
1.ผู้ส่งข่าวสาร
ตัวผู้ส่งข่าวสารไม่ได้ทำความเข้าใจปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการรับสาร
ทำให้ส่งข้อมูลที่ผู้อื่นเห็นข่าวสาร หรือรับรู้แล้ว ไม่ได้ให้ความสนใจ
ไม่ได้ติดตาม ปล่อยผ่านไป คิดว่าไม่สำคัญ ดังนั้น ต้องแก้ไขที่ผู้ส่งข่าวสาร
2.ผู้รับข่าวสาร อาจมีปัญหาในการรับข่าวสาร
ไม่มีความถนัดในการใช้เครื่องมือเทคโนโลยี หรือเพิกเฉยต่อข่าวสาร
เห็นข้อมูลที่เข้ามามากมาย แต่ไม่ใส่ใจที่จะคัดกรอง ไม่เห็นความสำคัญ
ต้องแก้ไขที่ผู้รับข่าวสาร
3.ข้อมูลเนื้อหาสาระของข่าวสาร
จากเทคโนโลยีที่ทำให้บางคนถนัดแต่ “Copy
Paste” คือ การก็อปปี้ แล้วนำมาวางปะไว้
ทำให้ข้อมูลมีมากหลายหน้า ทำให้ผู้อ่าน ผู้รับสารเบื่อที่จะอ่าน เห็นแล้วอาจจะปล่อยผ่าน
ไม่ได้ใส่ใจ
4.วิธีการส่งสาร
แม้ว่าจะมีเครื่องมือสื่อสารจะทันสมัย ทั้งการส่งอีเมล์ (E-mail) ระบบ
Intranet ภายในองค์กร
พัฒนาครูทั้งระบบ
การพัฒนาคุณภาพครู ทั้งระบบ
เป็นกระบวนการที่ควรพิจารณาอย่างเป็นระบบ (Systematic) ตั้งแต่การนำคนเข้าสู่อาชีพครูจนถึงการจากไปแล้วของครู
และให้ดำเนินการเป็นระบบ (Systemic)
ที่สามารถตรวจสอบและมีผู้รับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนได้อย่างชัดเจนในแต่ละอนุ
ระบบ (Subsystem) ของกระบวนการต่าง
ๆ จะช่วยให้การพัฒนาคุณภาพครูทั้งในระดับจุลภาคและระดับมหาภาคสามารถดำเนินไป
อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ซึ่งหมายถึงการพัฒนาครูทั้งระบบอย่างมีคุณภาพ
คำถามง่ายๆ ก่อนตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์แท็บแล็ต
1.แนวทางการเลือก
2.การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน
3.ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์
4.การเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์
2.การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน
3.ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์
4.การเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์
บทเรียนสำหรับปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5
ความเป็นมา
1.พ.ศ.2542 ได้มีการปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ที่ สกศ. หรือสำนักคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติทำหน้าที่กำหนดนโยบายการศึกษาของชาติ
2.มีการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกในรัชกาลที่ 5 ปฏิรูป ครั้งที่ 2 ในช่วง พ.ศ.2517-2521
3.ในช่วง พ.ศ.2517 สกศ.มอบหมายให้ ดร.ประยูร ศรีประสาธน์ ทำหน้าที่ดำเนินการศึกษาแนวทางการปฏิรูป
สภาการศึกษา เจาะลึกผลงานวิจัยดีเด่น ชี้ชัด ทิศทางสำคัญของการศึกษาเพื่ออนาคตประเทศไทย
การประชุมวิชาการ การวิจัยทางการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 15 (The 15 th National Symposium on Educational Research)เรื่อง การศึกษาเพื่ออนาคตประเทศไทย
การจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว
การจัดการศึกษาขั้นอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา ก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
เพราะเป็นการผลิตกำลังคนเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ
ปัจจุบันให้ความสำคัญกับการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานและมีความพร้อมในการรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนโดยมีผลงานวิจัยที่ส่งเข้ามาในประเด็นเรื่องนี้
ร้อยละ 8.55
ผลงานวิจัยดีเด่นอันดับ 1 คือการพัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสมรรถนะด้านการประเมินการเรียนรู้ของนิสิตครูเพื่อการเรียนรู้ของผู้เรียนของ
รองศาสตราจารย์พรทิพย์ ไชยโสมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ งานวิจัยชิ้นนี้ได้นวัตกรรมการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการคิด
และเสริมสร้างสมรรถนะด้านการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแก่นิสิตครู
สภาการศึกษาชู 4 ข้อเสนอทำอย่างไรให้นักเรียนไทยมีคะแนน PISA สูงขึ้น
โครงการ PISA ทำการประเมิน
ทุก 3 ปี
โดยประเทศไทยมีสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
เป็นศูนย์ประสานงาน รวมถึงเป็นผู้เตรียมการออกข้อสอบทักษะที่ได้รับจากโรงเรียนไปใช้ในชีวิตจริงในอนาคต
3 ด้านคือ "การรู้เรื่องการอ่าน คณิตศาสตร์
และวิทยาศาสตร์"
การวิเคราะห์ผลคะแนน PISA ครั้งที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุที่นักเรียนไทยส่วนใหญ่ได้คะแนนค่อนข้างต่ำ
1.นักเรียนไม่มีนิสัยรักการอ่าน
2.นักเรียนไม่คุ้นเคยกับข้อสอบในลักษณะการเขียนตอบ
หรือให้คำอธิบาย
3.นักเรียนขาดพื้นฐานของสาระการเรียนรู้
4. คุณภาพของโรงเรียนแตกต่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น